ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 21.2 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28.4 ในปี 2583 การออกแบบบ้านให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการจึงมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีความสุข
การออกแบบบ้านสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ ควรคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ดังนี้

การให้ความสำคัญกับระดับพื้น:


ความลาดชันของทางลาด ผู้สูงอายุและผู้พิการอาจมีปัญหาในการเดินขึ้นลงบันได การออกแบบบ้านควรมีทางลาดแทนบันไดที่มีความลาดชันไม่เกิน 1:12 เช่น ระยะทาง 1 เมตร ของความลาดชัน ควรมีความยาว 12 เมตร เพื่อให้สามารถเดินขึ้นลงได้อย่างสะดวก

  • ปรับระดับพื้นให้มีความสูงที่เหมาะสมสำหรับผู้พิการที่ใช้รถเข็นหรือผู้ที่ไม่สามารถเดินได้ง่าย.
  • ให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุพื้นที่ไม่ลื่น เพื่อป้องกันการลื่นไถล.
  • ทางเข้าและทางออกที่สะดวกสบาย:

  • สร้างทางเข้าและทางออกที่กว้างขวางพอสำหรับการเคลื่อนไหวของรถเข็นและไม่มีขั้น.
  • การออกแบบทางลาดและราวจับช่วยพยุงสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ และผู้สูงอายุ

    ห้องน้ำ


    ห้องน้ำ ควรแยกระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ไม่มีพื้นต่างระดับ พื้นผิวกระเบื้องไม่ลื่น มีค่าความฝืดเหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดิน สำหรับพื้นที่เปียกควรติดราวจับเพื่อการประคองตัว ช่วยในการลุก นั่ง ควรมีที่นั่งสำหรับอาบน้ำ ใช้ขณะแปรงฟันหรือแต่งตัว ควรเสริมอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ หากเกิดการล้มและเหตุฉุกเฉินอื่นๆเพื่อให้คนในบ้านสามารถเข้ามาช่วยได้รวดเร็ว

  • ห้องน้ำควรแยกส่วนเปียกส่วนแห้งโดยไม่มีพื้นต่างระดับ
  • ควรติดตั้งราวจับเพื่อช่วยพยุงบริเวณที่ต้องทรงตัว เช่น ข้างโถสุขภัณฑ์ หรือข้างพนัง เป็นต้น
  • ควรใช้เก้าอี้นั่งอาบน้ำที่มั่นคง กันน้ำและกันลื่นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เช่น SW-21W วีลแชร์ที่สามารถเข็นคร่อมสุขภัณฑ์เพื่อขับถ่าย และใช้เป็นเก้าอี้นั่งอาบน้ำได้ด้วย ช่วยป้องกันการพลัดตกหกล้มภายในห้องน้ำได้ดี
  • KQ-320 ราวจับช่วยพยุงแบบล็อกกับสุขภัณฑ์ ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเจาะพื้นหรือพนัง

    ห้องนั่งเล่น


    ไม่ควรตั้งเฟอร์นิเจอร์กีดขวางทางเดิน ควรใช้สีที่ตัดกับสภาพแวดล้อมภายนอก ติดราวจับประคองตัว เช่น Tesuri ราวจับช่วยพยุงแบบไม่ต้องติดตั้ง เพื่อการใช้งานในแต่ละอิริยาบถ (เดิน ลุก นั่ง ขึ้นลงบันได) ใช้จับประคองตัวตลอดการเดินหรือเปลี่ยนท่าเพื่อ “ป้องกัน”การเสียการทรงตัว หรือใช้คว้าจับเมื่อเริ่มเสียหลัก
    การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม
    ให้ความสำคัญกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีมุมคมและปลอดภัย.

  • ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับระดับได้.
  • พื้นที่ในบ้านที่กว้างขวาง:

  • ให้พื้นที่ในการเคลื่อนไหวสำหรับรถเข็นหรือการเดินของผู้พิการ.
  • ลดข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวด้วยการตั้งโครงสร้างแบบไม่มีขั้นตอน.
  • ห้องนั่งเล่น

    การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่:

  • ติดตั้งระบบอัตโนมัติเพื่อควบคุมไฟ, ปรับแสง, และอุณหภูมิ.
  • ระบบแสงสว่าง แสงสว่างภายในบ้านควรเพียงพอ สว่างทั่วถึง เพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
  • ใช้เทคโนโลยีอินเทรนด์ เช่น อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เพื่อความสะดวกสบาย.
  • การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม:

  • ให้ความสำคัญกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีมุมคมและปลอดภัย.
  • ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับระดับได้ เช่น รถเข็นวีลแชร์ปรับเอนนอนได้ ให้ความรู้สึกคล้ายนั่งโซฟาปรับเอนได้ สามารถเคลื่อนย้ายไปในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถทำกิจกรรมกับครอบครัวได้มากยิ่งขึ้น.
  • FR-31TR วีลแชร์ปรับเอนนอนได้

    การให้บริการทางการแพทย์:

  • มีการติดตั้งระบบดูแลสุขภาพแบบไร้สายหรือทางไกล.
  • มีห้องพยาบาลหรือพื้นที่ที่สามารถให้บริการการดูแลสุขภาพ.
  • นอกจากปัจจัยสำคัญข้างต้นแล้ว การออกแบบบ้านสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการยังสามารถพิจารณาเพิ่มเติมจากความต้องการและสภาพร่างกายของผู้สูงอายุและผู้พิการแต่ละคน เช่น ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ควรออกแบบบ้านให้มีห้องนอนและห้องน้ำอยู่ชั้นล่าง เพื่อลดความเสี่ยงในการขึ้นลงบันได ผู้สูงอายุและผู้พิการที่ใช้วีลแชร์ ควรออกแบบบ้านให้มีทางเดินกว้างเพียงพอสำหรับรถเข็น เป็นต้น

    การออกแบบบ้านให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ จะช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีความสุข เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ผู้สูงอายุและผู้พิการได้อย่างแท้จริง

    ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fanpage: MatsunagaTh